Home > สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ > eSIM คืออะไร เหมาะกับใครและใช้กับมือถือรุ่นไหนได้บ้าง | dtac

eSIM คืออะไร เหมาะกับใครและใช้กับมือถือรุ่นไหนได้บ้าง | dtac

A14 Bionic ชิปใน Apple iPad Air และ iPhone 12 มีข้อดีอย่างไร

ชิป Apple A14 Bionic นั้นมีการพัฒนาประสิทธิภาพและคุณภาพกว่ารุ่นก่อนน่าขึ้นมาพอสมควร เรามาดูกันว่ามีอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจใน Chip ตัวนี้กันบ้างครับ

ก่อนหน้านี้ ชิปรุ่น A12 สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสาวกมาแล้วด้วยการเปิดตัวในขนาด 7 นาโนเมตรเท่านั้น และเช่นเดียวกันกับ A14 Bionic ชิปรุ่นใหม่นี้มีขนาดเล็กลงไปอีก เหลือเพียง 5 นาโนเมตรเท่านั้น และบอกได้เลย ว่าถึงแม้ขนาดจะเล็กลง แต่ Performance ยังแจ่มเหมือนเดิมและยังดีกว่าเก่าอีกด้วยคัรบ

มีข่าวลือว่าทาง Apple ได้ซื้อบริษัทในเครือของ TSMC ของไต้หวันทั้งหมด ซึ่งเป็นองค์กรที่ผลิตและพัฒนาชิปขนาด 5 นาโนเมตรที่แรก นั่นจึงทำให้แอปเปิลจะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์และไลน์การผลิต Chip ขนาดจิ๋วไปอีกยาวนาน

ระบบ System-on-a-Chip ของอุปกรณ์ Apple ที่ผ่านมาช่วยให้พื้นที่ภายในตัวเครื่องใช้สอยได้อย่างกะทัดรัด ประหยัดที่สุด และยิ่งถ้าได้ลดขนาด Chip ลงจาก 7 นาโนเมตร (รุ่นเก่า) เป็น 5 นาโนเมตรแล้ว Apple จะสามารถเพิ่มจำนวน Transistor ในส่วนพื้นว่างได้อีก 1.8 เท่าเลยทีเดียวครับ

ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ ว่า Apple จะบาลานซ์องค์ประกอบต่างๆ ให้สมดุลได้อย่างไร ในอุปกรณ์ที่จะเปิดตัวในอนาคต แต่ในปัจจุบัน เจ้า A14 Bionic สามารถจุ Transistors ได้ถึง 11.8 พันล้านหน่วยเลยทีเดียว มากกว่า รุ่น A13 ที่จุได้ 8.5 พันล้านหน่วยอยู่พอประมาณหนึ่งเลยครับ

ย้อนกลับไปสมัยชิป A10 Fusion ที่ใช้ใน iPhone 7 Apple มีแนวคิดในการลดขนาด Zephyr Core ให้เล็กลงให้เพียงพอแค่จัดการงานพื้นฐานทั่วไป เพื่อลดทอนค่าใช้จ่าย และประสิทธิภาพที่ไม่จำเป็นออกไป

มาถึงรุ่นต่อมาอย่าง A12 Bionic ใน iPhone 8 และ X แอปเปิลยังคง Concept เดิมในการออกแบบระบบ Architecture ให้เพียงพอแต่การใช้งานพื้นฐานเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีการ Upgrade ในส่วน Core ให้ Monsoon Cores และ Mistral Core สามารถทำงานแยกกันได้ ทำให้สามารถประมวลผลได้รวดเร็วขึ้น

• Icestorm Cores ที่เป็นประเภท High-Efficiency Core ที่รองรับการทำงานพื้นฐานแต่ยาวนาน จำนวน 4 คอร์

Apple เคลมว่า A14 สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าชิป A12 ถึง 40% และจากการทดสอบ พบว่า A14 เร็วกว่า A13 อยู่ที่ 16% ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่เพิ่มขึ้นระดับหนึ่ง น่าสนใจทีเดียวครับ

เมื่อเร็วๆ นี้ ทาง Apple ได้เริ่มต้นพัฒนาและสร้าง GPUs แบบ Integrated เป็นของตนเองเช่นกัน ซึ่งภายใน A14 Bionic ก็มี Graphic Engine จำนวน 4 Core ด้วยเช่นกัน ซึ่งแอปเปิลเคลมว่าประมวลภาพได้เร็วกว่าชิป A13 ถึง 30%

ชิป A14 Bionic เน้นประสิทธิภาพการทำงานที่สามารถรองรับรูปแบบการใช้งานหลากหลายรูปแบบมากที่สุด ในระยะเวลาสั้น และประหยัดพลังงาน ซึ่งแอปเปิลพยายามออกแบบ พัฒนาให้ Chip กิน Battery ตัวเครื่องให้น้อยที่สุดเท่าที่ทำได้ ในขณะที่ยังทำงานได้เหมือนเดิม

สุดท้าย ภาพลักษณ์โดยรวมในส่วน GPU ถือว่าเป็นที่พอใจของแฟนๆ โดยเฉพาะกับ Chip M1 ของอุปกรณ์คอมพิวเตอรฝั่ง Apple

ย้อนกลับไปในปี 2017 แอปเปิลได้มีการเปิดตัว ANE หรือ Apple Neural Engine ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชิป A11 เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของฟีเจอร์สแกนใบหน้า Face ID ถือเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของ Chip จาก Apple ซึ่งเป็นระบบ AI ที่ล้ำสมัยมากๆ ในยุคนั้น

มีการประเมินกันว่า Neural Engine ใน A11 นั้นสามารถจัดการงานได้ 600 พันล้านคำสั่ง ต่อ 1 วินาที ซึ่ง Apple เคลมว่า รุ่นใหม่ A14 Bionic มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกหลายเท่า ด้วยจำนวนคอร์ 16 Core และความสามารถในการจัดการคำสั่ง 11 ล้านล้านคำสั่งต่อวินาที

สรุปก็คือ Apple ได้มีการยัดระบบ System เกือบทั้งหมดเข้าไปอยูใน Chip อันเดียว ไม่ว่าจะเป็น SoC สำหรับ Machine Learning, CPU, GPU และระบบ Accelerators ตัวใหม่ที่เรียกว่า AMX Blocks สำหรับเพิ่มความเร่งในการทำงานแบบ Multiplication ซึ่งมีการใช้งานบ่อยในระบบ Machine Learning

iPhone 14 VS iPhone 13 เปรียบเทียบความแตกต่าง พร้อมสรุปว่าควรซื้อรุ่นไหน?

ส่วน iPhone 14 และ 14 Plus ยังคงรอยบากแบบเดิมเหมือนรุ่น iPhone 13 Series แต่ถ้าพูดถึงลักษณะโดยรวมของไอโฟน 14 Series ในด้านของดีไซน์ตัวเครื่อง ก็จะยังมีความคล้ายคลึงกับรุ่นเดิมอยู่มากๆ คือมีความเหลี่ยม และขอบมนเหมือนกัน

ด้านของหน้าจอแสดงผล iPhone 14 Series ยังคงเป็นแบบ OLED เหมือนเดิม แต่ในรุ่น iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี ProMotion มีอัตรารีเฟรชสูงสุดถึง 120Hz และยังมีฟีเจอร์แบบ Always-on Display ที่จะยังโชว์หน้าจอ Lock Screen ให้เราสามารถดู Notification ได้อยู่ในเวอชั่นที่ประหยัดแบตสุดๆ เพราะมันสามารถลดอัตรารีเฟรชเรทหน้าจอลงไปได้ต่ำสุดที่ 1 Hz เลย ส่วนในรุ่น iPhone 14 และ 14 Plus จะยังไม่มี เหมือนรุ่น iPhone 13 Series ครับ

ในที่สุด Apple ก็ได้พัฒนากล้องหลังในรอบหลายปี โดยไอโฟน 14 รุ่น Pro และ Pro Max มีความละเอียดกล้องสูงสุดถึง 48 MP รวมถึงมี Photogenic Engine ช่วยให้ถ่ายรูปในที่แสงน้อยได้ดีมากยิ่งขึ้น พร้อมรองรับการถ่ายรูปแบบ ProRAW ที่มีความละเอียดของภาพได้เกือบเทียบเท่าพวกกล้องโปรกันเลย

ในด้านการถ่ายวิดีโอ ก็ได้พัฒนาให้สามารถถ่ายได้ความละเอียดสูงถึง 4K สูงสุด 30 fps และยังมี Action Mode ที่ช่วยป้องกันการสั่นของภาพ ทำให้ภาพวิดีโอที่ออกมาดูนิ่งและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น และในส่วนของกล้องหน้าก็ยังคงความละเอียด 12 MP แต่ได้พัฒนาเป็นแบบ TrueDepth พร้อม Auto Focus ช่วยให้ตรวจจับใบหน้าได้ดียิ่งขึ้น สามารถเซลฟี่ได้ภาพที่สวยงาม และเก็บรายละเอียดได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ในขณะที่รุ่น ไอโฟน 14 และ 14 Plus ยังคงความละเอียดกล้องอยู่ที่ 12 MP เท่ากับรุ่น ไอโฟน 13 Series เช่นเคย แต่จะมีการพัฒนาในเรื่องของเซนเซอร์การถ่ายภาพให้คมชัดมากยิ่งขึ้น และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Action Mode เช่นเดียวกับรุ่น 14 Pro ซึ่งพูดเฉยๆ อาจจะยังไม่เห็นภาพ ถ้าใครอยากดูรีวิวกล้องแบบจัดเต็มทุกโหมด พร้อมทดสอบระบบ Action Mode ว่าจะนิ่งได้ขนาดไหน ก็สามารถรับชมได้ที่คลิปด้านล่างนี้เลย

และครั้งนี้ก็มาพร้อมการอัพเกรดชิปเซ็ตประมวลผล โดยใน iPhone 14 Pro และ 14 Pro Max ได้มีการขยับขึ้นมาใช้ชิปเซ็ต A16 Bionic ที่เร็วแรงกว่า และประหยัดพลังงานกว่าเดิม โดยทาง Apple เคลมว่าสามารถทำงานได้เร็วขึ้นสูงสุดถึง 40% เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

แต่ในรุ่น iPhone 14 และ 14 Plus ยังคงใช้เป็นชิปเซ็ต A15 Bionic เหมือน iPhone 13 Series เช่นเดิม รวมถึงด้านแบตเตอรี่ของ iPhone 14 Series ก็แทบไม่ต่างจาก iPhone 13 Series เลยครับ

สำหรับใครที่ยังลังเล ว่าจะตัดสินใจเลือก iPhone 13 Series ที่ราคาลดลงดีกว่า หรือเลือก iPhone 14 Series ที่มาใหม่ หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่

• None ใช้งานมือถือตั้งแต่รุ่น iPhone 11 ลงไป หรือมือถือรุ่นอื่นที่ใช้งานมานานแล้ว

• None ชื่นชอบดีไซน์ไร้รอยบาก ของรุ่น Pro รู้สึกว่าสบายตามากยิ่งขึ้น รวมไปถึงชอบลูกเล่นต่างๆ ของ Dynamic Island ที่ไม่เคยมีในไอโฟนรุ่นไหนมาก่อน

• None เป็นสายถ่ายรูป หรือทำงานเป็น Content Creator, Graphic ที่ต้องใช้มือถือถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอตลอด ต้องการกล้องมือถือที่ได้ภาพคมชัด เก็บรายละเอียดได้อย่างดีเยี่ยม หรือสามารถนำไฟล์ภาพไปปรับแต่งสีต่อได้

• None ซื้อรุ่นใหม่ๆ ในทุกปีอยู่แล้ว เพื่อที่จะได้เอาเครื่องเก่าไปเทิร์น และแลกซื้อรุ่นใหม่ได้ในราคาที่ถูกลง

iPhone 14 Series โดยเฉพาะ รุ่น Pro และ Pro Max ที่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่น iPhone 13 Series อย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเรื่องของหน้าจอ ประสิทธิภาพการประมวลผล และการอัพเกรดกล้อง ก็ดูจะเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ และคุ้มค่า สามารถใช้งานกันได้นานๆ เลย

แต่หากคุณไม่ได้เป็นหนึ่งในเช็คลิสต์ด้านบน และกำลังมองหามือถือเครื่องใหม่ ที่สเปคคุ้มค่าคุ้มราคา ไม่ได้เน้นตามเทรนด์มือถือรุ่นใหม่ หรือมีงบประมาณที่จำกัด แอดก็ขอแนะนำให้เลือกเป็น iPhone 13 Series แทน เพราะสเปคที่ให้มานั้นแม้จะออกมาแล้ว 1 ปี แต่ก็ยังถือว่าสามารถใช้งานในชีวิตประจำวันกันได้แบบสบายๆ ในงบที่สบายกระเป๋ามากยิ่งขึ้น หรือหากใครที่ใช้ iPhone 13 Series อยู่แล้ว ก็รอดูเป็น iPhone รุ่นถัดไปจะดีกว่า เพื่อรอการเปลี่ยนแปลงสเปคเครื่องที่ก้าวกระโดดกว่านี้ และจะได้คุ้มค่ากับเงินครึ่งแสนที่เราจะต้องควักไป

โดยทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของแอดเท่านั้น ก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์และช่วยในการตัดสินใจซื้อมือถือเครื่องใหม่ของทุกคนได้นะครับ และหากใครที่เล็งจะซื้อไอโฟนรุ่นใหม่กันได้แล้ว ก็อย่าลืมติดฟิล์มกระจกกันรอยโฟกัส ของคู่จอ มิตรคู่ใจมือถือกันไว้ เพื่อปกป้องไอโฟนของคุณแบบครบรอบด้าน ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง-เลนส์กล้อง ให้สวยใส ไร้รอยขีดข่วน ให้ทุกคนใช้มือถือได้แบบมั่นใจในทุกการใช้งานกันเลย โดยสามารถสั่งซื้อออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์นี้ หรือสั่งซื้อผ่าน Focus Store และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศได้เลย

eSIM คืออะไร เหมาะกับใครและใช้กับมือถือรุ่นไหนได้บ้าง | dtac

eSIM นวัตกรรมซิมการ์ด เพื่อลดข้อจำกัดของขนาด SIM Card ต่าง ๆ ให้เล็กลงเพื่อตอบโจทย์การนำไปใช้งานในอนาคตกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ง่าย และสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าอุปกรณ์ IOT (Internet of Thing) ที่กำลังจะมามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรา มีความจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับ Internet ตลอดเวลานั้น ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

ซึ่งปัจจุบัน วิธีการเชื่อมต่อที่สะดวกและง่ายที่สุดคือการเชื่อมต่อด้วยเทคโนโลยี 3G/4G/5G การนำ eSIM มาใช้งานจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะใช้เนื้อที่น้อย และไม่ต้องเสียเวลาในการถอดประกอบ SIM Card เข้าอุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งยังช่วยให้อุปกรณ์ต่าง ๆ มีขนาดเล็กลงอีกด้วย

Leave a Comment